หญ้ารีแพร์
- ชื่อ
- ส่วนของพืชที่ใช้
- การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์/แหล่งที่มา
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- การเพาะปลูก
- สรรพคุณและการใช้สมุนไพรพื้นฐานตามภูมิปัญญาไทยด้านเครื่องสำอาง
- สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบ
- สารออกฤทธิ์ หรือ สารสำคัญ
ชื่อวิทยาศาสตร์
Centotheca lappacea (L.) Desv.
ชื่อวงค์
POACEAE
ชื่อสมุนไพร
หญ้ารีแพร์
ชื่ออังกฤษ
Barbed grass
ชื่อพ้อง
Anthoxanthum pulcherrimum Lour.
Cenchrus lappaceus L.
ชื่อท้องถิ่น
เหล็กไผ่ ขนหมอยแม่ม่าย หญ้าอีเหนียว หญ้ารีแพร์ หญ้าหียุ่ม หญ้าเหนียวหมา
ชื่อ INCI
CENTOTHECA LAPPACEA EXTRACT
ส่วนของพืชที่ใช้
การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์/แหล่งที่มา
ขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่แอฟริกาจนถึงโพลีเนเซียและออสเตรเลีย ในประเทศไทยพบมากทางภาคใต้ลงไปถึงเขตเพนนินซูลาของมาเลเซีย (6)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้า ลำต้นสูง 30–60 ซม. ข้อบวมพอง ใบเดี่ยว รูปใบหอก ยาว 10–16 ซม. ขอบใบมีขนสาก โคนใบสอบเรียว กาบใบ ขอบมีขนครุย ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ช่อแขนงคล้ายช่อกระจะ ช่อดอกย่อย ออกเดี่ยวๆ เรียงเวียน กาบช่อดอกย่อย รูปขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายแหลม เส้นกาบ 3 เส้น กาบล่างยาวประมาณ 2.5 มม. สันกลางกาบมีหนาม กาบบนยาว 3–3.5 มม. ผิวเกลี้ยง มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกล่างเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกบน 2 ดอก เป็นหมัน เกสรเพศผู้มี 2–3 อัน ผลแห้งแบบเมล็ดติด สีน้ำตาลเข้ม (4-5)
การเพาะปลูก
หญ้ารีแพร์ขึ้นได้ทั่วไปตามริมขอบถนน ในแปลงปลูกพืช หรือไร่นาในลักษณะของวัชพืช ขยายพันธุ์โดยเมล็ดหรือท่อนพันธุ์ เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เหนือระดับน้ำทะเล 1,500 ม. อากาศชื้นและมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 2,000 มม./ปี (4)
สรรพคุณและการใช้สมุนไพรพื้นฐานตามภูมิปัญญาไทยด้านเครื่องสำอาง
ไม่พบสรรพคุณแผนโบราณที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอาง
สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบ
ในส่วนเหนือดินของหญ้ารีแพร์พบสารเคมี ดังนี้
สารประกอบฟีนอลิก (phenolic compounds) ได้แก่ 4-coumaric acid, catechin gallate, catechin, epigallocatechin, resorcinol, rosmarinic acid, syringol, vanillin (7-8)
สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ได้แก่ 5,7,4′-trimethoxyflavone (7)
สารกลุ่มสเตอรอล (sterols) ได้แก่ stigmasterol, β-sitosterol,campesterol (7)
กรดไขมัน (fatty acids) ได้แก่ palmitic acid, stearic acid, lauric acid, pentadecanoic acid, myristic acid (7)
ควันที่ได้จากการเผาหญ้ารีแพร์ พบสารกลุ่มอนุพันธ์ของฟีนอล (phenol derivatives) ได้แก่ syringol, homosyringic acid, vanillin, vanillic acid, resorcinol, hydroquinone, 4-hydroxybenzaldehyde (7)
สารประกอบฟีนอลิก (phenolic compounds)
สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoids)
สารกลุ่มสเตอรอล (sterols)
กรดไขมัน (fatty acids)
สารออกฤทธิ์ หรือ สารสำคัญ
ยังไม่พบรายงานสารออกฤทธิ์ทางเครื่องสำอางของหญ้ารีแพร์
แนวทางการควบคุมคุณภาพ (วิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญ)
1 การตรวจสอบกลุ่มพฤกษเคมีด้วยวิธี Thin-Layer chromatography (TLC)
สภาวะทดลอง (7)
สารละลายตัวอย่าง: สารสกัดหญ้ารีแพร์ด้วยเฮกเซน คลอโรฟอร์ม อะซีโตน เอทานอล และน้ำ ความเข้มข้น 1 มก/มล. ในเมทานอล
วัฏภาคเคลื่อนที่: chloroform:methanol (9:1) และethyl acetate:methanol:formic acid: water (50:3:3:6)
น้ำยาตรวจสอบ: 1. anisaldehyde reagent
2. natural product reagent
3. Dragendorff’s reagent
Detector: UV 254 และ 366 นาโนเมตร
2 การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดด้วยวิธี Gas chromatography-Mass spectrometer (GC-MS)
สภาวะทดลอง (7)
column: Thermo TG-5s-LMS
วัฏภาคเคลื่อนที่: แก๊สฮีเลียม, อัตราการไหล 1 มล./นาที
injection volume: 4 มคล., อุณหภูมิ 200องศาเซลเซียส
อุณหภูมิ: เริ่มต้นที่ 60 องศาเซลเซียส คงที่เป็นเวลา 5 นาที จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิ จนถึง 300 องศาเซลเซียส ด้วยอัตรา 8 องศาเซลเซียส/นาที
การศึกษาทางคลินิก
ยังไม่พบรายงานการศึกษาทางคลินิกในด้านเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายนอกของหญ้ารีแพร์
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1 การศึกษาเกี่ยวกับผิวหน้า
1.1 ทำให้ผิวหน้าขาว (F001)
ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส
การทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดจากหญ้ารีแพร์ (ตัวอย่างพืชจากจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่ระบุ voucher specimen) ต่อการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสจากเห็ดพบว่าสารสกัด 95% เอทานอล ที่เตรียมด้วยวิธีแช่สกัดส่วนเหนือดินของหญ้ารีแพร์ใน 95% เอทานอล อัตราส่วน 1:10 เป็นเวลา 72 ชม. มีฤทธิ์อย่างอ่อนในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 3,756±169.14 มก./มล ซึ่งน้อยกว่าสารมาตรฐาน kojic acid (IC50 = 0.025±0.005 มก./มล.) (9)
1.2 ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า (F008)
ยับยั้งเอนไซม์คอลลาจีเนส
สารสกัด 95% เอทานอลจากส่วนเหนือดินของหญ้ารีแพร์ (ตัวอย่างพืชจากจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่ระบุ voucher specimen)ที่เตรียมสารสกัดด้วยวิธีแช่สกัดใน 95%เอทานอล อัตราส่วน 1:10 เป็นเวลา 72 ชม.แสดงฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์คอลลาจีเนสได้ตามขนาดของสารสกัดที่ได้รับ โดยพบค่า IC50เท่ากับ 1.26±1.01 มก./มล. ใกล้เคียงกับสารมาตรฐานกรดแอสคอบิก (IC50 = 1.24±0.25 มก./มล.) (9)
ยับยั้ง gelatinolytic activity
สารสกัด95% เอทานอลจากหญ้ารีแพร์มีฤทธิ์ยับยั้บการย่อยโปรตีนเจลาตินและคอลลาเจนในผิวผ่านการยับยั้งการทำงานของ matrix metalloproteinase-2 (MMP-2) การทดสอบในเซลล์ผิวหนังของมนุษย์ (human skin fibroblast) ด้วยการบ่มสารสกัด 95%เอทานอลจากหญ้ารีแพร์ ที่เตรียมสารสกัดด้วยวิธีแช่สกัดใน 95% เอทานอล อัตราส่วน 1:10 เป็นเวลา 72 ชม. (ตัวอย่างพืชจากจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่ระบุ voucher specimen) ขนาด 1,000 มคก./มล. เป็นเวลา 48 ชั่วโมง พบว่าสารสกัดจากหญ้ารีแพร์ยับยั้งการทำงานของ MMP-2 ได้ 100% เทียบเท่ากับการใช้สารมาตรฐานกรดแอสคอบิกขนาด 100 มคก./มล. (9)
1.3 ต้านอนุมูลอิสระ (F007)
การศึกษาเปรียบเทียบวิธีการเตรียมสารสกัดและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากส่วนใบ ก้าน และรากของหญ้ารีแพร์ (ตัวอย่างพืชจากจังหวัดตรัง ไม่ระบุ voucher specimen) ด้วยวิธีเขย่าด้วยคลื่นเสียง (sonication) เป็นเวลา 1, 3, 6, 9 และ 24 ชม. ด้วยตัวทำละลายที่แตกต่างกัน 2 ชนิด คือ 95%เอทานอล และน้ำกลั่น ผลการวิเคราะห์ปริมาณฟีนอลิกรวมในสารสกัดด้วยวิธี Folin-Ciocalteu พบว่าสารสกัด 95% เอทานอลจากส่วนใบมีปริมาณสารฟีนอลิกมากที่สุด คือ 30.33-49.63 มก. สมมูลกรดแกลลิค/ก. รองลงมาคือสารสกัดเอทานอลจากก้าน สารสกัดเอทานอลจากราก สารสกัดน้ำจากใบ สารสกัดน้ำจากก้าน และสารสกัดน้ำจากราก ซึ่งมีปริมาณฟีนอลิกรวมอยู่ในช่วงระหว่าง 24.38-42.76, 11.98-34.22, 11.95-23.65, 11.83-20.49 และ 0.81-7.44 มก.สมมูลกรดแกลลิค/ก. ตามลำดับ ผลการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดส่วนใบ ก้าน และรากด้วยวิธี 2, 2-diphenyl-1-picrylhydrazyl radical (DPPH)scavenging assay พบว่าสารสกัดเอทานอลจากส่วนใบมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ด้วยค่า IC50เท่ากับ 0.105 มล./มล. ซึ่งใกล้เคียงกับสารมาตรฐานโทรล๊อกซ์ (IC50เท่ากับ 0.102 มล./มล.) รองลงมาคือสารสกัดเอทานอลจากก้าน สารสกัดเอทานอลจากราก สารสกัดน้ำจากก้าน สารสกัดน้ำจากใบ และสารสกัดน้ำจากราก ด้วยค่า IC50เท่ากับ 0.197, 0.284, 0.896, 0.431 และ 1.734 มล./มล. ตามลำดับ (8)
การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดเอทานอลและสารสกัดน้ำจากหญ้ารีแพร์ (ตัวอย่างพืชจากจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่ระบุ voucher specimen)เตรียมสารสกัดเอทานอลด้วยวิธีแช่สกัดใน 95% เอทานอล ในอัตราส่วน 1:10 เป็นเวลา 72 ชม. และสารสกัดน้ำเตรียมโดยต้มหญ้ารีแพร์แห้งในน้ำกลั่น ที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทำการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดด้วยวิธี DPPH assay, metal ion chelating assay และผลต่อการยับยั้ง lipid peroxidation ผลการทดสอบพบว่าสารสกัด 95% เอทานอล แสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าสารสกัดน้ำ โดยพบค่าความเข้มข้นของสารสกัดต่อการยับยั้งอนุมูลอิสระด้วยวิธี DPPH, chelating activity และ lipid peroxidation inhibition เท่ากับ 1.39±0.50, 366.95±13.47 และ 0.99±0.26มก./มล. ตามลำดับ ส่วนสารสกัดน้ำ มีค่าความเข้มข้นของสารสกัดต่อการยับยั้งอนุมูลอิสระเท่ากับ 2.14±0.31, >1,000 และ 1.06±0.15 มก./มล. ตามลำดับ (9)
การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากหญ้ารีแพร์ (ไม่ระบุ voucher specimen) ด้วยวิธีการแช่สกัดใน 70% เอทานอล ในอัตราส่วน 1:10 เป็นเวลา 3 วันและการแช่สกัดในน้ำกลั่นที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมงจากนั้นนำสารสกัดเอทานอลและสารสกัดน้ำไปสกัดต่อด้วยเอทิลอะซีเตท ในอัตราส่วน 1:2 ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดชั้นเอทิลอะซีเตทที่แยกได้จากสารสกัดเอทานอลมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด โดยพบค่า IC50เท่ากับ 0.792และ 0.400มก./มล. เมื่อทดสอบด้วยวิธี DPPH และ 2,2′-Azino-bis (3- ethylbenzothiazoline-6-sulfonic acid) cation radicalscavenging (ABTS) assay ตามลำดับ รองลงมาคือสารสกัดชั้นเอทิลอะซีเตทที่แยกได้จากสารสกัดน้ำ สารสกัด70%เอทานอล และสารสกัดน้ำ สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ปริมาณฟีนอลิกรวมด้วยวิธี Folin-Ciocalteu พบปริมาณสารฟีนอลิกในสารสกัดชั้นเอทิลอะซีเตทที่แยกได้จากสารสกัดเอทานอล สารสกัดชั้นเอทิลอะซีเตทที่แยกได้จากสารสกัดน้ำ สารสกัด70%เอทานอล และสารสกัดน้ำ เท่ากับ 14.38, 12.71, 9.97และ 8.43มก.สมมูลกรดแกลลิก/ก.สารสกัด ตามลำดับ (10)
การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสารสกัดหญ้ารีแพร์ (ไม่ระบุ voucher specimen) ทำการเตรียมสารสกัดโดยใช้โพรพิลีนไกลคอลความเข้มข้น 30%, 50%, 70% เป็นตัวทำละลาย ผลการศึกษาพบว่าสารสกัด 70% โพรพิลีนไกลคอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุดด้วยค่า IC50เท่ากับ 56.02 และ 199.62 มก./มล. เมื่อทดสอบด้วยวิธี DPPHและ ABTS assay ตามลำดับ การวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญในสารสกัดหญ้ารีแพร์ด้วย 70% โพรพิลีนไกลคอลพบปริมาณฟีนอลิกรวมเท่ากับ 0.42 มก.สมมูลกรดแกลลิก/ก.สารสกัด และมีปริมาณฟลาโวนอยด์รวม 0.24 มก.สมมูลคาเตชิน/ก. สารสกัด (11)
2 การศึกษาเกี่ยวกับผิวกาย
2.1 ต้านเชื้อแบคทีเรีย (S005)
การศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของสารสกัดจากหญ้ารีแพร์ (ไม่ระบุ voucher specimen) ด้วยวิธีการแช่สกัดใน 70% เอทานอล ในอัตราส่วน 1:10 เป็นเวลา 3 วันและแช่สกัดในน้ำกลั่นที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมงจากนั้นนำสารสกัดเอทานอลและสารสกัดน้ำไปสกัดต่อด้วยเอทิลอะซีเตท ในอัตราส่วน 1:2 จากนั้นนำสารสกัดที่ได้มาทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacillus cereus, Straphylococus aureus, Enterobactor aerogenosa, Enterococcus faecalis, Escherichia coli, Listeria monocytogenes, L. innocua และ Samonella typhimuriumด้วยวิธี agar well diffusion พบว่าสารสกัดชั้นเอทิลอะซีเตทที่แยกได้จากสารสกัดเอทานอล สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ B. cereus ด้วยค่าเฉลี่ยโซนใส 6.5±0.3 มม. และมีค่าความเข้มข้นต่ำสุดของสารสกัดที่สามารถยับยั้งเชื้อได้ (MIC) เท่ากับ 6.25 มก./มล. และในการศึกษานี้ไม่พบฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของสารสกัดชั้นเอทิลอะซีเตทที่แยกได้จากสารสกัดน้ำ สารสกัด 70%เอทานอล และสารสกัดน้ำของหญ้ารีแพร์ (10)
การศึกษาทางพิษวิทยาและความปลอดภัย
ยังไม่พบรายงานการศึกษาพิษวิทยาและความปลอดภัยของหญ้ารีแพร์
ข้อห้ามใช้
ยังไม่มีรายงานข้อห้ามใช้ในรูปแบบของเครื่องสำอาง
ข้อควรระวัง
ยังไม่มีรายงานข้อควรระวังการใช้ในรูปแบบของเครื่องสำอาง
อาการไม่พึงประสงค์
ยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ในรูปแบบของเครื่องสำอาง
ขนาดที่แนะนำ (ข้อมูลจากการศึกษาทางคลินิก)
ผลิตภัณฑ์แชมพูที่เตรียมโดยนำผงฝักส้มป่อย 10 ก. ผสมในน้ำเปล่า 240 มล. สระผมวันเว้นวัน ทิ้งแชมพูไว้บนหนังศีรษะ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เป็นเวลา 28 วัน มีผลลดความถี่และขนาดของรังแค ลดการหลุดร่วงของเส้นผม อาการคันหนังศีรษะ และความมันของเส้นผม (13)
สิทธิบัตร
DIP (THAILAND-TH)
สรุป
จากรายงานการวิจัยพบว่าหญ้ารีแพร์มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเสชะลอริ้วรอยของผิวโดยยับยั้งเอนไซม์คอลลาจีเนส และกระบวนการ gelatinolytic ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อลดเลือนริ้วรอย อย่างไรก็ตามการศึกษาของหญ้ารีแพร์ยังมีน้อยและยังไม่พบการศึกษาความเป็นพิษและความปลอดภัยจากการใช้ในระยะยาว จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
1. สุภาภรณ์ ปิติพร (บรรณาธิการ). บันทึกของแผ่นดิน 7 สมุนไพร ดูแล แม่หญิง. ปราจีนบุรี:มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, 2557.
2. ราชันย์ ภู่มา, สมราน สุดดี(บรรณาธิการ). ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช; 2557.
3. Centotheca lappacea (L.) Desv.The Plant List. [Internet]. 2013 [cited 2020 December 8]. Available from: http://www.the plantlist.org.
4. Norsaengsri M, Chantaranothai P.. The tribe Centotheceae (Poaceae) in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany). 2008;36:53-5.
5. ราชันย์ ภู่มา.สารานุกรมพืชในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60พรรษา. กรุงเทพฯ: สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2559.
6. Manidool, C. Centotheca latifolia (Osbeck) TriniusIn: Mannetje LT, Jones RM. (Editors). Plant Resources of South-East Asia No. 4:Forages. Wageningen: The Netherlands;1992. pp.79-80.
7. ธวัชชัย กมลธรรม, สุภัทรา รังสิมาการ, กฤษณา สุพรรณ, พรศิริ รอดเสียงล้ำ. องค์ประกอบทางเคมีจากส่วนเหนือดินของหญ้ายุ่ม (Centatheca lappacea (L.) Desv.). J Thai Thad Altern Med. 2017;15(1):14-29.
8. ธนัฏฐา สุทธิมาศ. ฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระของหญ้ารีแพร์. [วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง]. เชียงราย: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. 2559.
9. Kamoltham T, Manosroi J, Chankhampan C, Manosroi W, Manosroi A. In vitro anti-aging activities of Centotheca lappacea (L) Desv. (Ya Repair) extract. Chiang Mai J Sci. 2018; 45(2):846-57.
10. พสุ ปราโมกข์ชน, อัจฉรียา ชมเชย. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ปริมาณฟีนอลิกรวมและฤทธิ์ต้านแบคทีเรียของสารสกัดจากสมุนไพรไทยหญ้าฮี๋ยุ่ม Centotheca lappacea (L.) Desv. การประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ครั้งที่ 10. 29-31 พฤษภาคม 2560. ชลบุรี. หน้า 429-34.
11. ณิชพัณณ์ มุกรัศมีพัฒน, ณิชา ศิริสุนทรลักษณ. การศึกษาและพัฒนาสารสกัดจากหญ้าฮี๋ยุ่มสำหรับใช้ทางเครื่องสำอาง. [โครงการพิเศษ ปริญญาเภสัชศาสตรบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล. 2558.