ขิง
- ชื่อ
- ส่วนของพืชที่ใช้
- การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์/แหล่งที่มา
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- การเพาะปลูก
- สรรพคุณและการใช้สมุนไพรพื้นฐานตามภูมิปัญญาไทยด้านเครื่องสำอาง
- สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบ
- สารออกฤทธิ์ หรือ สารสำคัญ
ชื่อวิทยาศาสตร์
Zingiber officinale Roscoe
ชื่อวงค์
ZINGIBERACEAE
ชื่อสมุนไพร
ขิง
ชื่ออังกฤษ
Ginger
ชื่อพ้อง
Amomum angustifolium Salisb.
Amomum zingiber L.
Amomum zinziba Hill
Curcuma longifolia Wall.
Zingiber aromaticum Noronha
Zingiber cholmondeleyi (F.M.Bailey) K.Schum.
Zingiber majus Rumph.
Zingiber missionis Wall.
Zingiber officinalef.macrorhizonum (Makino) M.Hiroe
Zingiber officinale f. rubens (Makino) M.Hiroe
Zingiber officinale var. cholmondeleyi F.M.Bailey
Zingiber officinale var. macrorhizonum Makino
Zingiber officinale var. rubens Makino
Zingiber officinale var. rubrum Theilade
Zingiber officinale var. sichuanense (Z.Y.Zhu, S.L.Zhang &
S.X.Chen) Z.Y.Zhu, S.L.Zhang & S.X.Chen
Zingiber sichuanense Z.Y.Zhu, S.L.Zhang & S.X.Chen
Zingiber zingiber (L.) H.Karst.(2)
ชื่อท้องถิ่น
ขิงแกลง ขิงแดง ขิงเผือก สะเอ
ชื่อ INCI
ZINGIBER OFFICINALE EXTRACT
ZINGIBER OFFICINALE LEAF CELL EXTRACT
ZINGIBER OFFICINALE RHIZOME EXTRACT
ZINGIBER OFFICINALE ROOT
ZINGIBER OFFICINALE ROOT EXTRACT
ZINGIBER OFFICINALE ROOT JUICE
ZINGIBER OFFICINALE ROOT OIL
ZINGIBER OFFICINALE ROOT POWDER
ZINGIBER OFFICINALE WATER
ส่วนของพืชที่ใช้
การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์/แหล่งที่มา
มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีนทางตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย แพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (4)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุกมีเหง้าใต้ดินแตกแขนงเนื้อในสีน้ำตาลแกมเหลืองลำต้นเทียมสูง 50 - 100 ซม. ใบเดี่ยวเรียงสลับกันเป็นสองแถวรูปใบหอกหรือรูปใบหอกแกมรูปแถบผิวเกลี้ยงโคนใบรูปสอบเรียวปลายใบสอบเรียวแหลมช่อดอกรูปไข่เจริญออกจากเหง้าก้านช่อดอกยาวได้ถึง 25 ซม. ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือมีสีเหลืองที่ปลายรูปไข่ปลายเป็นติ่งหนามกลีบเลี้ยงยาวประมาณ 1 ซม. กลีบดอกสีเหลืองแกมสีเขียวเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายแยกเป็น 3 แฉกเป็นรูปใบหอกเกสรเพศผู้สีม่วงเข้มผลเป็นผลแห้งรูปทรงกลม (3)
การเพาะปลูก
พันธุ์ขิง
พอจำแนกพันธุ์ขิงออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ขิงใหญ่หรือขิงหยวก จะมีแง่งใหญ่ ข้อห่าง เนื้อละเอียดไม่มีเสี้ยนหรือมีแต่น้อยมาก รสเผ็ดน้อย ใต้เซลล์ผิวเมื่อลอกเยื่อหุ้มออกจะไม่มีสีหรือมีสีเหลืองเรื่อๆ ลักษณะของตาที่ปรากฏบนแง่ง กลมมน ลําต้นสูง ปลายใบป้าน เหมาะสําหรับปลูกเป็นขิงอ่อน ส่งโรงงานเพื่อแปรรูปเป็นขิงดองขิงแช่อิ่มหรือใช้บริโภคสดก็ได้
2. ขิงเล็กหรือขิงเผ็ด จะมีแง่งเล็ก สั้น ข้อถี่ เนื้อมีเสี้ยนมาก รสค่อนข้างเผ็ด ลักษณะของตาที่ปรากฏบนแง่งค่อนข้างแหลมแตกแขนงดีนิยมปลูกเป็นขิงแก่ เพราะได้นํ้าหนักดีใช้ทําเป็นพืชสมุนไพรประกอบทํายารักษาโรค และสกัดทํานํ้ามัน
การเตรียมพันธุ์ปลูก
เลือกพันธุ์ขิงที่มีอายุ 10 - 12 เดือน
ตัดท่อนพันธุ์ที่สมบูรณ์เท่านั้น (ปราศจากร่องรอยการทําลายของโรคและแมลง)
เมื่อจะตัดท่อนพันธุ์ขิงในแง่งหนึ่ง ๆ ต้องทําความสะอาดมีดที่ใช้ตัดทุกครั้ง โดยแช่ไว่ในแอลกอฮอล์หรือคลอรอคเพื่อป้องกันกําจัดเชื้อโรค เพราะถ้านํามีดที่ตัดแง่งขิงที่เป็นโรคไปใช้ตัดท่อนพันธุ์ดีจะทําให้พันธุ์ขิงดีติดเชื้อโรคได้
ตัดขิงพันธุ์เป็นท่อน ๆ ให้แต่ละท่อนมี 2-3 ตาเท่านั้น จะใช้พันธุ์ขิงประมาณ 300 กิโลกรัมต่อไร่
ใช้สารเคมีป้องกันและกําจัดเพลี้ยหอย เช่น มาลาไธออนผสมสารป้องกันกําจัดโรครา เช่น เดลซีนเอ็มเอ็กซ์หรือไดแทนเอ็ม 45 โดยใช้อัตรา 2 เท่า ที่ใช้พ่นทางใบ แช่ท่อนพันธุ์ประมาณ 15 - 30 นาที แล้วนําไปผึ่งให้แห้งก่อนนําไปปลูก
การเก็บเกี่ยว
ขิงจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 10 - 12 เดือน หลังจากปลูกหรือสังเกตได้จากใบและลำต้นเริ่มเหี่ยวเฉา เมื่อขิงมีอายุย่างเข้าเดือนที่ 8 ในการเก็บเกี่ยวนั้นหากเป็นพื้นที่แห้งและแข็ง ให้รดน้ำที่แปลงเพื่อให้ดินอ่อนตัวลงจึงใช้มือดึงขึ้นมา จากนั้นเขย่าดินออกทิ้ง ตัดรากและใบเหี่ยวออก แยกแง่งที่จะใช้สำหรับทำพันธุ์ โดยเลือกแง่งที่อวบและใหญ่ ปราศจากเชื้อโรคและแมลง และไม่มีแผลควรนําไปเก็บในที่ที่แห้ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
การคัดเลือกท่อนพันธุ์ปลูกเพื่อผลิตพันธุ์ขิง
การคัดเลือกท่อนพันธุ์ขิง หรือแง่งขิงควรปฏิบัติดังนี้
พันธุ์ขิงต้องปราศจากโรคและแมลง
ข้อถี่แง่งใหญ่ กลมป้อม
ตาเต่ง
เนื้อขิงไม่นิ่ม ผิวเป็นมัน
อายุประมาณ 10 - 12 เดือน
สรรพคุณและการใช้สมุนไพรพื้นฐานตามภูมิปัญญาไทยด้านเครื่องสำอาง
ไม่มีข้อมูลการใช้ตามภูมิปัญญาไทยในทางด้านเครื่องสำอางที่ชัดเจน มีข้อมูลการใช้ภายนอกของน้ำมันหอมระเหยจากขิงในการใช้กับผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการแผลฟกช้ำ (3)
สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบ
จากการศึกษาส่วนประกอบทางเคมีของขิงสามารถแยกสารต่าง ๆ ได้ดังนี้
น้ำมันหอมระเหย (essential oils) ประกอบด้วยสารประกอบ ดังนี้
แบบโมโนเทอร์ปีนอยด์ (monoterpenoids) ได้แก่ α-terpinene, α-terpineol, 4-terpineol, terpinolene และγ-terpinolene, cineole, nerol, 4-isopropylbenzyl alcohol, linalool, 3,7-dimethyloct-6-en-1-yn-3-ol, cis-piperitol, borneol, 1-isopropyl-4-methylcyclohex-3-enol, myrtenol, citronellol, geraniol, cis-linalool oxide, isoborneol, 2-decanol, fenchol, camphenol, trans-2-decen-1-ol, (E)-citral, (Z)-citral, β-cyclocitral, 1,7,7-trimethylbicyclo[2.2.1]heptan-2-one, (1R)-(–)-myrtenal, β-citronellal, camphor, neral, geranial, perillal, (Z)-3,7-dimethylocta-3,6-dienal, (E)-3,7-dimethylocta-3,6-dienal, (E)-dec-2-enal, decanal, geranic acid, β-thujene, (Z)-2,6-dimethylocta-2,6-diene, β-phellandrene, sabinene, α-pinene, β-pinene, tricyclene, moslene, β-myrcene, fenchene, D-limonene, camphene, (Z)-3,7-dimethylocta-1,3,6-triene, 2-isopropyltoluene และ p-cymene(6-9)
แบบเซสควิเทอร์ปีนอยด์ (sesquiterpenoids) ได้แก่ β-eudesmol, trans-nerolidol, elemol, tau-muurolol, nerolidol, farnesol, cis-sesquisabinene hydrate, trans-β-sesquiphellandrol, β-santalol, zingiberol, tau-cadinol, zingiberenol, germacrone, trans,trans-farnesal, allo-aromadendrene, β-sesquiphellandrene, α-cedrene, α-bergamotene, α-gurjunene, (+)-cyclosativene, (Z)-β-farnesene, (E)-β-farnesene, (Z,Z)-α-farnesene, zingiberene, α-farnesene, γ-elemene, γ-humulene, thujopsene, β-elemene, β-bisabolene, caryophyllene, β-caryophyllene, cedrene, neoclovene, β-eudesmene, eudesma-3,7(11)-diene, caryophyllene, δ-elemene, 10-epizonarene, α-bergamotene, β-bisabolene, τ-epi-α-selinene, germacrene, δ-cadinene, α-cubebene, α-copaene, α-curcumene และ zerumbone(6-9)
แบบอื่น ๆ ได้แก่ 3-methylhexan-2-ol, 2-methoxy-1,7,7-trimethylbicyclo[2.2.1]heptane,
2-tetradecanol,4-ethoxybutan-1-ol, 2-heptanol, 1-methoxy-2-methyl, 2-nonanol, propanol,
hentriacontanol, butanal, 2,6-dimethylhept-5-enal, 2-heptanone, 2-nonanone, 2-undecanone, crypton, 4-isopropylcyclohex-2-enone, 6-methyl-5-hepten-2-one, hexanal, octanal, methyl heptenone, nonyl aldehyde, acetaldehyde, propionaldehyde, valeraldehyde, (E)-dodec-2-enal, 2-octenal, acetone, undecanoic acid, neryl acetate, geranyl, propionate, endo-bornyl acetate, sec-butyl acetate, neryl propionate, geraniol formate,myrtenyl acetate, geranyl acetate, formic acid ethyl ester, ethyl butanoate, citronellyl acetate, heptyl acetate, methyl acetate, ethyl acetate, butyl acetate, 5-methyloct-3-yne, 7-methylocta-3,4-diene, 3-octyne, 1-octene, bicyclo[3.1.1]heptane, 1-cyclopropylpentane, octane, nonane, styrene, methylbenzene, cumene, 2-acetoxy-1,8-cineole, dibutyl phthalate, diethyl sulphide, ethyl isopropyl sulphideและ methyl allyl sulphide(6-9)
สารกลุ่มสารประกอบฟีนอลิก (phenolic compound) ได้แก่ [6]-gingerol, [8]-gingerol, [10]-
gingerol, [6]-shogaol, [8]-shogaol, [10]-shogaol, [6]-paradol, [6]-dehydrogingerdione และzingerone (6-22)
สารกลุ่มไดแอริลเฮปทานอยด์ (diarylheptanoids) ได้แก่ curcumin, dihydrogingerenone Aและgingerenone D (6-9)
สารประกอบโมโนเทอร์ปีนอยด์(monoterpenoids) ในน้ำมันหอมระเหย (essential oils)
สารประกอบโมโนเทอร์ปีนอยด์(monoterpenoids) ในน้ำมันหอมระเหย (essential oils)
สารประกอบเซสควิเทอร์ปีนอยด์ (sesquiterpenoids) ในน้ำมันหอมระเหย (essential oils)
สารประกอบแบบอื่น ๆในน้ำมันหอมระเหย (essential oils)
สารกลุ่มสารประกอบฟีนอลิก (phenolic compound)
สารกลุ่มไดแอริลเฮปทานอยด์ (diarylheptanoids)
สารออกฤทธิ์ หรือ สารสำคัญ
สารออกฤทธิ์ลดริ้วรอย
สารประกอบฟีนอลิก ได้แก่ zingerone (21)
สารออกฤทธิ์ทำให้ผิวขาว
สารประกอบฟีนอลิก ได้แก่ [6]-gingerol (11)
สารกลุ่มน้ำมันหอมระเหย (26)
สารออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
สารประกอบฟีนอลิก ได้แก่[6]-shogaol (12, 14), [6]-gingerol, [8]-gingerol, [10]-gingerol (14)
สารออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ
สารประกอบฟีนอลิก ได้แก่ [6]-shogaol (18), [6]-gingerol (16-17, 27)
สารออกฤทธิ์กันแดด
สารประกอบฟีนอลิก ได้แก่ สาร[6]-gingerol (19, 29), [6]-shogaol (20, 29)
สารออกฤทธิ์ต้านอาการแพ้
สารประกอบฟีนอลิก ได้แก่ สาร [6]-shogaol (15, 30)
สารออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อในช่องปาก
สารประกอบฟีนอลิก ได้แก่ [10]-gingerol, [12]-gingerol (31)
สารกลุ่มน้ำมันหอมระเหย (24)
แนวทางการควบคุมคุณภาพ (วิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญ)
วิธีตรวจสอบ / การแยกสกัดและพิสูจน์เอกลักษณ์
ละลายสารสกัดเอทานอลจากขิง (ethanol-soluble extraction) 50 มก. ในน้ำ 25 มล. และสกัดสารละลายนี้ด้วยอีเทอร์ 15 มล.ผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำไประเหยแห้ง เติม 75% v/v ของ sulfuric acid 5 มล. และ vanillin 5 มก. ผสมเข้าด้วยกันตั้งไว้ 15 นาที แล้วเติมน้ำ 5 มล. สีจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีฟ้า
นำสารตัวอย่างในรูปแบบผง 1 ก.เติม 50% v/v glacial acetic acid 5 มล. เขย่าอย่างแรงเป็นเวลา 15 นาที แล้วกรอง หยด ammonium oxalate เล็กน้อย จะค่อย ๆ ขุ่นขึ้น
วิเคราะห์ด้วยเทคนิค ทีแอลซี หรือ วิธีโครมาโตกราฟีแบบชั้นบาง (Thin-Layer Chromatography, TLC) โดยมีวัฏภาคคงที่เป็น silica gel GF254 และวัฏภาคเคลื่อนที่เป็น hexane : ether (40:60) (23)
ข้อกำหนดคุณภาพตามเภสัชตำรับ
Thai Herbal Pharmacopoeia (THP) (23) ได้มีการกำหนดมาตรฐานของเหง้าไพล ดังนี้
ปริมาณความชื้น (%w/w) ไม่เกิน 11.0
ปริมาณสิ่งแปลกปลอม (%w/w) ไม่เกิน 2.0
ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด (%w/w) ไม่เกิน1.0
ปริมาณเถ้ารวม (%w/w) ไม่เกิน10.0
ปริมาณเถ้าที่ละลายในน้ำ (%w/w) ไม่น้อยกว่า 3.0
ปริมาณสารสกัดด้วยเอทานอล (%w/w) ไม่น้อยกว่า5.0
ปริมาณสารสกัดด้วยน้ำ (%w/w) ไม่น้อยกว่า13.0
ปริมาณน้ำมันหอมระเหย (%v/w) ไม่น้อยกว่า0.8
การวิเคราะห์สารกลุ่มน้ำมันหอมระเหย
การวิเคราะห์ด้วยวิธีGas Chromatograph-Mass Spectrometer มีตัวอย่างการศึกษา ดังนี้
ตัวอย่างที่ 1 การวิเคราะห์สารละลายตัวอย่างขิงเข้มข้น 1000 ppm ปริมาตร 1 ไมโครลิตร ด้วย GC-MS และบ่งชี้คุณลักษณะของสารโดยการเปรียบเทียบแมสสเปกตรัมกับฐานข้อมูลNational Institute of Standard and Technology (NIST) Mass Spectral Search Program และChemstation Wiley Spectral Library โดยเทียบเคียงกับสารที่มีmass spectra ของสารที่มี %quality match มากกว่า 80% คำนวณRetention index (RI) โดยเทียบกับอัลเคนมาตรฐาน (C8-C22) และTerpenoids Library (8) โดยมีสภาวะที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ
GC-MS: 7890A (Agilent Technologies, USA)
Column: DB-5MS capillary (J&W, USA) (30 ม. x 0.25 มม. x 0.25 มคม.)
Injector temperature: 230 oC
Oven temperature program: 50 oC (คงที่เป็นเวลา1 นาที) จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิจนถึง 240 oC ด้วยอัตราเร็ว 3 oC/นาที และคงที่ที่ 240 oC เป็นเวลา 2 นาที
Transfer line temperature: 250 oC
Carrier gas: helium
Flow rate: 0.627 มล./นาที
Spilt ratio: 1:20
Ionization energy: 70 eV
Mass range: 45 - 450 a.m.u.
ตัวอย่างที่ 2 การวิเคราะห์ด้วยเครื่อง GC-MS Capillary column ยาว 60 ม. หนา 0.25 มม. ใช้สารละลายตัวอย่าง0.2ไมโครลิตร และ split ratio 100:1 อัตราการไหล 1มล./นาที อุณหภูมิของ injector และ detector 25 องศาเซลเซียส โปรแกรมของอุณหภูมิที่ใช้วิเคราะห์น้ำมันหอมระเหยจากขิง คือ 60 องศาเซลเซียสคงที่เป็นเวลา 2 นาที จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิด้วยอัตรา 3 องศาเซลเซียสต่อนาที จนถึงอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียสจากนั้นเพิ่มอุณหภูมิด้วยอัตรา 1 องศาเซลเซียสต่อนาที จนถึงอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิด้วยอัตรา 5 องศาเซลเซียสต่อนาที จนถึงอุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส คงที่เป็นเวลา 5 นาที (26)
การวิเคราะห์สาร 6-gingerol
การวิเคราะห์ด้วย high performance liquid chromatography (HPLC) มีตัวอย่างการศึกษา ดังนี้
HP 1100 (Chemstations; Agilent Technologies; Cernusco s/N (MI), Italy)
Stationary Phase: C18 reverse-phase (Hypersil BDS, 5 ไมครอน, 4.6 × 150 มม.; Thermo Scientific; Waltham, MA, USA)
Mobile phase: acetonitrile/phosphoric acid (1:1000)-water/methanol (55/44/1, v/v)
Temperature: 25 องศาเซลเซียส
Injection: 20 มคล.
Flow rate: 1.2 มล./นาที
Detection: UV absorbance 282 นาโนเมตร
A standard calibration curve: 0.2-5 มคก./มล.
The limit of quantification: 0.2 มคก./มล. (27)
การวิเคราะห์สาร 6-gingerol และ 6-shogaol
การวิเคราะห์ด้วย high performance liquid chromatography (HPLC) มีตัวอย่างการศึกษา ดังนี้
Stationary Phase: Xterra C18 columns (4.6×250 มม.; particle size: 5 มคม.)
Mobile phase: acetonitrile (solvent A) และ water (solvent B)
gradient elution: 0-12 นาที 65% A; 12-25 นาที 65-80% A; 25-30 นาที, 80-65% A
Flow rate: 1.0มล./นาที
Detection: UV absorbance 225นาโนเมตร (29)
การศึกษาทางคลินิก
1 การศึกษาเกี่ยวกับผิวหน้า
1.1 ลดริ้วรอย (F008)
การศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน31รายอายุ 44 ± 7 ปี โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากขิง 1% acetyl zingerone (trade name: Synoxyl® AZ; Sytheon Ltd. Sytheon Ltd.) โดยทาครีมให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นบริเวณรอบ ๆ ดวงตา ทา 2 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับกลุ่มยาหลอก ประเมินผลการทดสอบในช่วงเริ่มการทดสอบเปรียบเทียบกับช่วงสัปดาห์ที่ 4 และ 8 ของการทดสอบ ผลการทดสอบพบว่ากลุ่มที่ได้รับการทาครีมที่มีส่วนผสมของสาร acetyl zingerone มีผลต่อการลดค่าเฉลี่ยความรุนแรงของการเกิดริ้วรอย (average wrinkle severity: p = .019; mean = −25.7% change), ปริมาณริ้วรอยทั้งหมด (total wrinkle volume: p = .003; mean = −30.1% change), ปริมาณของเม็ดสี (pigment intensity: p = .021; mean = −25.6% change), ปริมาณของรอยแดง (redness intensity: p = .035; mean = −20.7% change) ในช่วงสัปดาห์ที่ 8 ของการทดสอบ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มยาหลอก และจากการประเมินการเกิดอาการข้างเคียง ได้แก่ อาการผิวหนังเป็นขุย (scaling), รอยแดง (erythema), ลักษณะของผิวที่มีสีอ่อนกว่าสีผิวปกติ (hypopigmentation) และลักษณะของผิวที่มีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ(hyperpigmentation) ไม่พบความแตกต่างกันของทั้งสองกลุ่ม จากผลการทดสอบสรุปได้ว่า ครีมที่มีส่วนผสมของสารacetyl zingerone มีผลช่วยในการบรรเทาอาการของผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดด ลดการเกิดริ้วรอย ความผิดปกติของเม็ดสี และการเกิดรอยแดง (21)
2 การศึกษาเกี่ยวกับช่องปาก/ริมฝีปาก
2.1 น้ำยาบ้วนปาก/ฆ่าเชื้อในช่องปาก (L001)
การศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัครจำนวน 31ราย ทั้งเพศหญิงและชาย อายุ 12 – 35 ปี ที่ติดเครื่องมือทางทันตกรรมจัดฟันแบบติดแน่น (fixed orthodontic appliance) โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ 0.12% chlorhexidine และน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ 0.5% น้ำมันหอมระเหยจากขิง (LASZLO company: Belo Horizonte, Minas Gerais, Brazil) และกลุ่มยาหลอก โดยใช้น้ำยาบ้วนปาก 10 มล. นาน 60 วินาที เป็นเวลา 7 วัน เก็บตัวอย่างน้ำลายในช่วงก่อนใช้น้ำยาบ้วนปาก ช่วง 1 และ 15 นาทีหลังจากใช้น้ำยาบ้วนปากในวันแรกและวันที่ 7 ของการทดสอบ เพื่อประเมินผลการทดสอบ ผลการทดสอบพบว่ากลุ่มที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากขิงมีผลต่อการยับยั้งแบคทีเรียต้นเหตุของปัญหาช่องปาก Streptococcus mutans ใกล้เคียงกับกลุ่มที่ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ chlorhexidine แต่คุณสมบัติการคงอยู่ในช่องปาก (substantivity) ต่ำ
น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากขิงมีผลในการควบคุมคราบจุลินทรีย์ dental biofilm และลดอาการเลือดออกบริเวณเหงือก จาการประเมินเกี่ยวกับรสสัมผัส (sensory analysis: flavor) มีคะแนนต่ำทั้งกลุ่มที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ chlorhexidine และน้ำมันหอมระเหยจากขิง จากผลการทดสอบสรุปได้ว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ 0.5% น้ำมันหอมระเหยจากขิงมีผลต้านการอักเสบ บรรเทาอาการเลือดออกบริเวณเหงือก อย่างไรก็ตามควรมีการปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับรสชาติของน้ำยาบ้วนปาก (24)
2.2 ทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้น (L003)
การศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัครเพศหญิงอายุระหว่าง 18 – 40 ปี จำนวน 60 ราย โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 30 ราย กลุ่มทดสอบให้ใช้ลิปสติก (lip plumper) ที่มีส่วนผสมของขิง (Incarose Extreme Lips Piu Volume is a cosmetic produced by DI-VA Health and Beauty; Cinisello Balsamo, Italy) (ไม่ระบุรายละเอียดของวัตถุดิบหรือสารสกัดที่ใช้) ทาบริเวณริมฝีปาก (vermilion) ครั้งเดียว เปรียบเทียบกับกลุ่มยาหลอก ประเมินผลการทดสอบในช่วงเริ่มการทดสอบ 15, 30, 60, 90 และ120 นาที หลังจากทาลิปสติก ประเมินผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด (vasodilating effect) ด้วย Mexameter MX 16® ประเมินผลต่อปริมาตรริมฝีปาก (volumizing effect) ด้วย 3D scanning electron microscope (SEM) ผลการทดสอบพบว่ากลุ่มที่ให้ใช้ลิปสติกที่มีส่วนผสมของขิงมีผลในการเพิ่ม lip vascularization ในช่วง 15 นาทีแรก และคงอยู่จนกระทั่ง 30 นาที และเพิ่มปริมาตรของลักษณะริมฝีปากจากการวัด maximum height of protrusion (MHP) ได้ 0.50 มม. ในช่วง 15 นาทีแรก จากผลการทดสอบสรุปได้ว่า ลิปสติกที่มีส่วนผสมของขิงมีผลในการกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด (vasodilation) และเพิ่มปริมาตรของริมฝีปาก (lip volume) ได้ (25)
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1. การศึกษาเกี่ยวกับผิวกาย
1.1 ฤทธิ์ทำให้ผิวขาว (S001)
การทดสอบสารฤทธิ์ของสาร [6]-gingerol ที่สกัดแยกได้จากขิง (Wako: Osaka, Japan) ในการยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase และผลต่อปริมาณเม็ดสีเมลานิน โดยทำการทดสอบในเซลล์เซลล์มะเร็งเม็ดสีผิวชนิด B16F10 พบว่า [6]-gingerol ขนาด 25 – 100 ไมโครโมลาร์ มีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase และลดปริมาณของเม็ดสีเมลานินขึ้นอยู่กับขนาดของสารสกัด นอกจากนี้ ยังมีผลในการลดการเกิดอนุมูลอิสระภายในเซลล์ขึ้นอยู่กับขนาดของสารสกัดเช่นเดียวกัน (11)
การทดสอบสารฤทธิ์ของสาร zerumbone ที่แยกได้จากขิง และสารสกัดขิง(สกัดด้วย 99% เมทานอลและทำให้แห้งด้วยวิธี freeze dry) (Korea plant extract bank (KPEB); Daejeon, Korea and Korea research institute of bioscience and biotechnology (KRIBB); Daejeon, Korea) ในการลดปริมาณเม็ดสีเมลานิน โดยทำการทสอบในเซลล์มะเร็งเม็ดสีผิวชนิด B16F10 ที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ด้วย α-melanocyte-stimulating hormone (α-MSH)และวิเคราะห์กลไกที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีเมลานิน การแสดงออกของ microphthalmia-associated transcription factor (MITF) ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมเซลล์เมลาโนไซต์ในการสร้างเม็ดสีเมลานินและยีนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ tyrosinase, tyrosinase-related protein 1 (TYRP1) และ tyrosinase-related protein 2 (TYRP2) ผลการทดสอบพบว่าสารzerumbone มีฤทธิ์ในการยับยั้งการแสดงออกของโปรตีน MITF(protein expression levels of MITF) และการแสดงออกของยีน MITF (gene expression of MITF)ที่กระตุ้นการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีเมลานิน ยับยั้งการแสดงออกของยีนtyrosinase, TYRP1 และTYRP2 และการทำงานของ tyrosinaseนอกจากนี้ทั้งสาร zerumbone และสารสกัดขิงยังมีฤทธิ์ในการเพิ่ม extracellular signal-regulated kinases 1และ2 (ERK1/2) phosphorylationซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำลายกลไกของ MITF (22)
การทดสอบฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยจากขิง (Tianjin; China) ผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน และผลต่อการต้านอนุมูลอิสระวัดผลของน้ำมันหอมระเหยจากขิงต่อการแบ่งตัวของเซลล์ ปริมาณเม็ดสีเมลานิน และการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ด้วย microplate readerวัดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีเมลานินด้วย western blottingพบว่าน้ำมันหอมระเหยจากขิงมีผลในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน มีผลในการดักจับอนุมูลอิสระ ลดการเกิด lipid peroxidation นอกจากนี้น้ำมันหอมระเหยจากขิงยังมีผลในการปรับปรุงเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ glutathione (GSH), superoxide dismutase (SOD)และcatalase (CAT) ในเซลล์ B16 melanoma จากผลการทดสอบนักวิจัยระบุว่าน้ำมันหอมระเหยจากขิงมีผลในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินผ่านกลไกการต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase และโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีเมลานิน (26)
1.2 ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (S006)
การทดสอบฤทธิ์ของสาร [6]-shogaol ที่แยกได้จากขิง (Sigma; St. Louis, MO, USA) โดยทำการทดสอบในเซลล์ผิวหนังมนุษย์ human primary epidermal melanocytes (HEMn-MPs)ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระด้วย hydrogen peroxide (H2O2)ในหลอดทดลอง พบว่าสาร [6]-shogaol มีฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์จากการเหนี่ยวนำด้วย H2O2ที่กระตุ้นให้เกิดเซลล์ตาย โดยการยับยั้งภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน นอกจากนี้ยังกระตุ้นวิถีการส่งสัญญาณ Nuclear factor erythroid 2-related factor 2 (Nrf2) มีผลต่อการต้านอนุมูลอิสระเพิ่มการควบคุมการแสดงออกของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ heme oxygenase 1 (HO-1), การแสดงออกของโปรตีน Nrf2, NAD(P)H: quinine oxidoreductase 1 (Nqo1) และ HO-1 นอกจากนี้ยังมีผลในการปกป้องเซลล์จากการเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระด้วย Rhododendrol จากผลการทดสอบนักวิจัยสรุปว่าสาร [6]-shogaol มีฤทธิ์ยั้งยั้งภาวะเครียดออกซิเดชันในหลอดทดลอง ปกป้องเซลล์ด้วยการกระตุ้นวิถีการส่งสัญญาณ Nrf2 เป็นข้อมูลเพื่อการศึกษาเพิ่มเติมฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์ผิวหนังในระยะเริ่มต้นของโรคด่างขาว (vitiligo) หรือความผิดปกติอื่น ๆ ของเม็ดสีผิวหนัง (12)
การทดสอบฤทธิ์ของสารกลุ่ม phenylpropanoidsโดยใช้ผงเหง้าขิง 40 ก. สกัดด้วยเมทานอล 200 มล. หรือน้ำกลั่น (distilled deionized water)ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยเขย่าที่ 120 rpm. หลังจากสกัด นำไปปั่นด้วยเครื่องหมุนเหวี่ยงcentrifugation ด้วยความแรง 3000 ก. ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที และกรองด้วยเยื่อกรอง (membrane filter) ขนาด 0.22 ไมโครเมตร ระเหยเมทานอลออกด้วย SpeedVac (Thermo Scientific) ที่อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส ละลายใน dimethyl sulfoxide (DMSO) กรองด้วยเยื่อกรอง 0.22 ไมโครเมตร เก็บที่ -80 องศาเซลเซียส วิเคราะห์สารกลุ่ม phenylpropanoids ด้วย ultrahigh performance liquid chromatography (UHPLC)และทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดขิง สารกลุ่ม phenylpropanoids ต่อวิถีการส่งสัญญาณ Nrf2 ซึ่งมีผลต่อการต้านอนุมูลอิสระ และผลต่อเอนไซม์ phase II detoxificationglutathione-S-transferase P1 (GSTP1) ทำการทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง human BJ foreskin fibroblasts และ HaCaT keratinocytes เทียบกับฤทธิ์ของสาร quercetin(Sigma-Aldrich)พบว่าทั้งสารสกัดจากขิง สารกลุ่ม phenylpropanoids และquercetin มีฤทธิ์ในการเพิ่มระดับของ Nrf2 และGSTP1 ในเซลล์ human BJ foreskin fibroblasts แต่ไม่มีผลในเซลล์ HaCaT keratinocytes (13)
การทดสอบฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของสารประกอบจากขิง ได้แก่ สาร [6]-gingerol, [8]-gingerol, [10]-gingerol และ [6]-shogaol(Shenzhen Chemstrong Scientific Co., Ltd; Shenzhen, China) เปรียบเทียบกับสาร butylated hydroxytoluene โดยใช้เทคนิค oxygen consumption test และ oxidized fatty acids ใน canola oil พบว่าสารประกอบจากขิงมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ โดยสาร [6]-shogaol และ 10-gingerol มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ที่ 60 องศาเซลเซียส มากกว่า [6]-gingerol และ [10]-gingerol และการต้านอนุมูลอิสระที่ต่ำ วัดที่อุณหภูมิ 120/180 องศาเซลเซียส สารประกอบจากขิงมีฤทธิ์ในการต้านอนุมุลอิสระขึ้นอยู่กับปริมาณของสาร โดยเฉพาะที่อุณหภูมิสูง (14)
1.3 ต้านการอักเสบ (S014)
การทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดขิงที่ทำให้แห้ง (ไม่ระบุวิธีการสกัด) [ginger dry extract (DE) containing 5 % gingerols, EPO; Milan, Italy] และสารสกัดขิงที่ทำให้แห้งที่มีสาร gingerols ในปริมาณสูง [gingerols-enriched dry extract (EDE)มี [6]-gingerol ใน DE และ EDE เท่ากับ 1.6 และ 5% w/wเตรียมได้จากละลาย DE 5 ก. ใน isopropyl alcohol 80 มล. คนเป็นเวลา 30 ชม. ที่อุณหภูมิห้อง และปั่นเหวี่ยงที่ 5000 rpm เป็นเวลา 30 นาที นำส่วนที่ไม่ละลายออก (UNIVERSAL 30 RF; Hettich, Germany) นำส่วน supernatant ทำให้แห้งที่อุณหภูมิห้อง(ไม่ระบุวิธีการค่ะThe supernatant was dried at room temperature until constant weight was reached) และศึกษาการใช้พลาสเตอร์ปิดแผลที่มีส่วนผสมของสารสกัดขิง DE หรือ EDE 1 มก./ซม.2 (Oberhasli; Zürich, Switzerland) เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ โดยทำการทดสอบในหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยน้ำมันสลอด (croton oil) 80 ไมโครกรัม ในอะซีโตน ทาบริเวณหูข้างขวาเป็นบริเวณประมาณ 1 ซม.2 เพื่อทำให้หูเกิดอาการบวม หลังจากนั้นทาสารสกัดขิงที่ละลายในอะซีโตนเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาต้านการอักเสบ indomethacin หรือทดสอบโดยใช้พลาสเตอร์ที่มีส่วนผสมขอสารสกัดขิงแปะลงไปเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้พลาสเตอร์ยาหลอก ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดขิง DE มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีค่า ID50เท่ากับ 142 ไมโครกรัม/ซม.2 กลุ่มที่ใช้ indomethacin มีค่า ID50เท่ากับ 93 ไมโครกรัม/ซม.2 และสารสกัดขิง EDE มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีค่า ID50เท่ากับ 181 ไมโครกรัม/ซม.2 ต่ำกว่ากลุ่ม DE เล็กน้อย นักวิจัยระบุว่าการเพิ่มความเข้มข้นของ [6]-gingerol ไม่มีผลในการเพิ่มฤทธิ์การต้านการอักเสบ สำหรับการทดสอบการใช้พลาสเตอร์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดขิง DE หรือ EDE 1 มก./ซม.2 ให้ผลในการต้านการอักเสบอย่างมีนัยสำคัญและการศึกษาการซึมผ่านผิวหนัง (ex vivo skin permeation study) ด้วยเทคนิค modified Franz diffusion cell method พบว่าปริมาณสาร [6]-gingerol โดยประมาณที่สามารถซึมผ่านผิวหนังมนุษย์ (human epidermis) ได้อยู่ที่ 6.9 ไมโครกรัม/ซม.2 ในขณะที่การซึมผ่านผิวหนังหนูเม้าส์ (mouse skin) อยู่ที่ 22.1 ไมโครกรัม/ซม.2 อย่างไรก็ตามปริมาณสาร [6]-gingerol ที่ซึมผ่านผิวหนังมนุษย์และผิวหนังหนูเม้าส์จะอยู่ที่ช่วง 8 ชั่วโมงแรก (27)
การทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบของสาร [6]-gingerol (Wako Pure Chemicals; purity >98.0%, Osaka, Japan) ในหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย phorbol 12-myristate 13-acetate (PMA) เพื่อกระตุ้นให้เกิด cyclooxygenase-2 (COX-2), NF-κB และp38 mitogen-activated protein kinase (p38 MAPK)บริเวณผิวหนัง โดยให้สาร [6]-gingerol ขนาด 5 หรือ 25 ไมโครโมล ทาบริเวณผิวหนังด้านหลัง เป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นให้สาร PMA 10 นาโนโมล พบว่าสาร [6]-gingerol มีฤทธิ์ในการยับยั้ง PMA ในการกระตุ้น COX-2ยับยั้ง NF-κB และ p38 MAPK (16)
การทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบของสาร [6]-gingerol(Wako Pure Chemicals; purity >98.0%, Osaka, Japan) ในหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย 12-O-tetradecanoylphorbol-13-acetate (TPA)เพื่อกระตุ้นให้เกิดNF-κBโดยให้สาร [6]-gingerol ขนาด 5 หรือ 30 ไมโครโมล ทาบริเวณผิวหนัง เป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นให้สาร TPA 10 นาโนโมล พบว่าสาร [6]-gingerol มีฤทธิ์ในการยับยั้ง COX-2และควบคุมการกระตุ้น p38MAPและ NF-κB (17)
การทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบของสาร [6]-shogaol ในเซลล์ RAW 264.7 ที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบด้วย LPS และสร้าง nitric oxide synthase (NOS) และ COX-2จากการวิเคราะห์ด้วย western blotting และ reverse transcription-PCR analyses พบว่าสาร [6]-shogaolมีฤทธิ์ในการควบคุมการแสดงออกของโปรตีนและ mRNA ของ inducible NOS (iNOS) และ COX-2 และการทดสอบในสัตว์ทดลอง โดยทดสอบในหนูเม้าส์ที่ถูกกระตุ้นให้ผิวหนังอักเสบด้วย TPA พบว่าสาร [6]-shogaol มีฤทธิ์ในการยับยั้งการแสดงออกของโปรตีน iNOS และ COX-2 ยับยั้ง NF-κB และยับยั้งการส่งสัญญาณของ inhibitor κB (IκB)αและ p65 และการสลายตัวของ IκBαสาร [6]-shogaol มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบผ่านการยับยั้ง NF-κB ด้วยการรบกวนการกระตุ้นของ PI3K/Akt/IκB kinases IKK และ MAPK (18)
1.4 ฤทธิ์กันแดด (S008)
การทดสอบฤทธิ์กันแดดของสาร[6]-gingerol [Wako Pure Chemicals; Osaka, Japan (purity > 98%)] ในเซลล์เพาะเลี้ยง HaCaT ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยการฉายรังสี UVB280 - 320 นาโนเมตร 6.25 J/ม.2/s ในหลอดทดลองพบว่าสาร [6]-gingerol มีฤทธิ์ลดระดับของการเกิดอนุมูลอิสระภายในเซลล์ การกระตุ้นของ caspase-3, 8 และ 9 และ Fass expression ที่เกี่ยวข้องกับการตายของเซลล์รวมทั้งลดการแสดงออกของ COX-2 และยับยั้ง NF-κB ผ่านกลไกการยับยั้งการส่งสัญญาณ IκBa และการทดสอบในสัตว์ทดลอง โดยทำการทดสอบในหนูเม้าส์ ให้ทาสารละลาย [6]-gingerol บริเวณผิวหนัง ขนาด 30 ไมโครโมลาร์ ก่อนจะถูกเหนี่ยวนำด้วยการฉายรังสีUVB290 - 320 นาโนเมตร15 kJ/ม.2 พบว่าสาร [6]-gingerol มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้าง mRNA และโปรตีนของ COX-2 และ NF-κB จากผลการทดสอบนักวิจัยสรุปว่าสาร [6]-gingerol มีฤทธิ์ในการป้องกันรังสี UVB ที่กระตุ้นให้เกิดความผิดปกติของผิวหนังได้ (19)
การทดสอบฤทธิ์กันแดดของสาร [6]-shogaol (Biopurify, China) ในเซลล์เพาะเลี้ยง HaCaT ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยการฉายรังสี UVB180 mJ/ซม.2ในหลอดทดลอง พบว่าสาร [6]-shogaol มีฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์จากรังสี UVB โดยป้องกันการแสดงออกของMAPKs [ERK1, c-Jun N-terminal kinase (JNK) และp38)สาร [6]-shogaol ขนาด 20 ไมโครกรัม มีฤทธิ์ยับยั้งการแสดงออกของBax และ Bcl-2 ที่มีผลในการกระตุ้นการตายของเซลล์ (20)
การทดสอบฤทธิ์กันแดดของสารสกัดจากขิง (Tochimoto Corporation; Osaka, Japan) โดยใช้เหง้าขิงแห้ง 200 ก. สกัดใน 20% เอทานอล 1ลิตร เป็นเระยะเวลา 7 วัน ที่อุณหภูมิห้อง และกรอง และคนเป็นเวลา 2 ชม. ที่อุณหภูมิห้อง ด้วย activated charcoal 30 ก. แล้วกรองอีกครั้ง ภายใต้สภาวะลดความดัน ทำการทดสอบในหนูเม้าส์และหนูแรทโดยแบ่งทั้งหนูแรทและหนูเม้าส์ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกจะถูกเหนี่ยวนำให้เกิดริ้วรอยบริเวณผิวหนังด้วยรังสี UVB และให้ทา1.0% สารสกัดขิงใน50% เอทานอล บริเวณผิวหนังขาหลังของหนูแรท และบริเวณด้านหลังของหนูเม้าส์ กลุ่มที่ 2 จะถูกเหนี่ยวนำให้เกิดริ้วรอยบริเวณผิวหนังด้วยรังสี UVB และให้ทา 50% เอทานอล เพียงอย่างเดียว กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มควบคุมปกติ ไม่ให้รังสี UVB และไม่ทาสารใด ๆ ผลการทดสอบพบว่ากลุ่มที่ได้รับการทาสารสกัดจากขิงมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเกิดริ้วรอยที่ถูกเหนี่ยวนำจากรังสี UVB มีผลในการป้องกันการลดลงของความยืดหยุ่นของผิวหนัง ทั้งในหนูเม้าส์และหนูแรท มีผลในการยับยั้งเอนไซม์อีลาสเทส (elastase) ในเซลล์ไฟโบรบลาสต์ที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของผิวได้ (28)
การทดสอบฤทธิ์กันแดดของสารสกัดน้ำจากขิง (Suwon, Gyeonggi-do, Republic of Korea) และสาร gingerol และ shogaol (Wako Pure Chemical Industries; Osaka, Japan) ในเซลล์เพาะเลี้ยง HaCaT และ C57BL/6 ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยการฉายรังสี UVB290 - 320 นาโนเมตรในหลอดทดลอง พบว่าสารสกัดจากขิง สาร gingerol และ shogaol มีฤทธิ์ในการยับยั้งการอักเสบ ยับยั้ง IL-1β, TNF-α, IL-6และ IL-8 ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเหนี่ยวนำด้วยรังสี UVB และการทดสอบในสัตว์ทดลองในหนูเม้าส์ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มควบคุมปกติ ไม่ถูกเหนี่ยวนำด้วยรังสี UVB และไม่ให้สารใด ๆ กลุ่มที่ 2 ถูกเหนี่ยวนำด้วยรังสี UVB เพียงอย่างเดียว กลุ่มที่ 3 ถูกเหนี่ยวนำด้วยรังสี UVB และให้ 1% สารสกัดขิง กลุ่มที่ 4 ถูกเหนี่ยวนำด้วยรังสี UVB และให้ 2.5% สารสกัดขิง โดยเหนี่ยวนำด้วยรังสี UVB 200 mJ/ซม.2 ทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงให้สารสกัดขิง หลังจากทำการทดสอบในครั้งสุดท้าย 24 ชม. จึงแยกส่วนหลังของหนูออกมาเพื่อประเมินผลการทดสอบ พบว่าสารสกัดขิงมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างไซโตไคน์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบลดการเพิ่มจำนวนของเซลล์ (hyperplasia) การคั่งของเม็ดเลือดขาว (infiltration of leukocytes) และการขยายของหลอดเลือด (dilation of blood vessels )จากการถูกเหนี่ยวนำด้วยรังสี UVB ที่ทำให้เกิดการทำลายของเซลล์ผิวหนัง (29)
1.5 ฤทธิ์ต้านการแพ้ (S016)
การทดสอบฤทธิ์ของสาร [6]-shogaol(Waco Pure Chemical Industries, Ltd. Osaka, Japan) ต่อเม็ดเลือดขาว (mast cell) ที่เกิดปฏิกิริยาอาการแพ้ (allergic reactions) ทั้งในสัตว์ทดลองและหลอดทดลอง โดยทำการทดสอบในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะภูมิไวเกินที่รุนแรง (passive cutaneous anaphylaxis; PCA) ด้วยการฉีด anti-dinitrophenyl immunoglobulin E (anti-DNP IgE) เข้าใต้ผิวหนังบริเวณด้านหลัง หลังจากนั้น 48 ชม. ให้สาร [6]-shogaol ขนาด 1 และ 5 มก./กก. ทางปาก หลังจากนั้น1 ชม. ให้ DNP-HAS (human serum albumin) ในน้ำเกลือที่ประกอบด้วย 4% Evans blue ผ่านทางหลอดเลือดดำบริเวณองคชาต ทำการแยกเม็ดเลือดขาว peritoneal mast cell (RPMCs) ออกมาเพื่อวัดการหลั่ง histamine และการทดสอบในหลอดทดลองวัดผลของสาร [6]-shogaol ต่อระดับของการอักเสบใน human mast cells (HMC-1) ที่ถูกกระตุ้นด้วย phorbol 12-myristate 13-acetate plus calcium ionomycin A23187 ผลการทดสอบพบว่าสาร [6]-shogaol ขนาด 1 และ 5 มก./กก. มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด PCA ได้ 44.9%และ72.1% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ให้สาร [6]-shogaol ไม่แสดงผลในการยับยั้ง และยังมีผลในการลดการหลั่งของ histamine สำหรับการทดสอบในหลอดทดลองพบว่าสาร [6]-shogaol มีผลในการยับยั้ง TNF-α, IL-6และ IL-8ควบคุมการกระตุ้นของ NF-κB และควบคุมวิถีการส่งสัญญาณc-Jun N-terminal kinase phosphorylation(JNK)(15)
การทดสอบฤทธิ์ของสาร [6]-shogaol(Chengdu Biopurify Phytochemicals Ltd.; Biopurify, Sichuan, China) ในหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง(allergic dermatitis) ด้วย 2,4-dinitrochlorobenzene (DNCB)โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มทดสอบ 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่ให้ทาสาร DNCB บริเวณผิวหนังด้านหลังร่วมกับการให้สาร [6]-shogaol ขนาด 10 และ 50 มก./กก. ใน 5% DMSO ในน้ำเกลือ ทางปาก ตามลำดับ เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ให้สาร [6]-shogaol และกลุ่มที่ให้ยา 1% dexamethasoneผลการทดสอบพบว่าสาร [6]-shogaol มีฤทธิ์ในการยับยั้ง DNCB ในการกระตุ้นภาวะผื่นภูมิแพ้ผิวหนังโดยการให้สาร [6]-shogaol ขนาด 10 และ 50 มก./กก. สามารถลดความรุนแรงของอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ และมีค่าคะแนนความรุนแรงของอาการทางผิวหนัง (skin severity scores) เท่ากับ 2.67 ± 0.37 และ1.67 ± 0.37 ตามลำดับ และลดพฤติกรรมการเกา (scratching behavior) มีคะแนน 102.20 ± 12.53 และ58.20 ± 13.93 ตามลำดับ โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ให้สาร DNCB เพียงอย่างเดียวมีคะแนนความรุนแรงของอาการทางผิวหนัง เท่ากับ 4.33 ± 0.37 และมีคะแนนพฤติกรรมการเกาเท่ากับ 271.00 ± 18.67 จากผลการทดลองพบว่าการให้สาร [6]-shogaol ขนาด 50 มก./กก. ให้ผลลดอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนังใกล้เคียงกับการให้ยา 1% dexamethasone ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงของอาการทางผิวหนังเท่ากับ 1.17 ± 0.18 และคะแนนพฤติกรรมการเกาเท่ากับ 49.00 ± 7.79 นอกจากนี้สาร [6]-shogaolยังมีผลในการลดระดับของไซโตไคน์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ Th2/1-mediated inflammatory cytokines, IgE, TNF-α, IFN-γ, thymus และ activation-regulated chemokine, IL-1, IL-4, IL-12 และIL-13, cyclooxygenase-2 และ nitric oxide synthase และการทดสอบในหลอดทดลองพบว่าสาร [6]-shogaol มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ และยับยั้งวิถีการส่งสัญญาณ mitogen-activated protein kinase (MAPK) signaling pathways เพิ่มระดับของสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ glutathione ทั้งหมด heme oxygenase-1 และ quinone 1 ผ่านการกระตุ้น nuclear factor erythroid 2 related factor 2 (Nrf2) จากผลการทดสอบนักวิจัยสรุปว่าสาร [6]-shogaolมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนังโดยผ่านกลไกการปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมการเกิดอนุมูลอิสระ และวิถีการส่งสัญญาณของMAPKs และ Nrf2(30)
2 การศึกษาเกี่ยวกับช่องปาก/ริมฝีปาก
2.1 น้ำยาบ้วนปาก/ฆ่าเชื้อในช่องปาก (L001)
การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดเอทานอลและเฮกเซนจากขิงต่อการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Porphyromonas gingivalis ATCC 53978, P. endodontalis ATCC 35406 และ Prevotella intermedia ATCC 25611 ที่เป็นสาเหตุของโรคปริทันต์อักเสบ (periodontal disease) ทำการสกัดขิง (Noeun agricultural market in Daejeon of Korea) ใช้เหง้าขิงที่แห้งและนำมาบด สกัดขิง 100 ก. ใน 95% เอทานอล 3 ล. นาน 48 ชม. ที่อุณหภูมิห้อง กรองผ่านกระดาษกรอง นำไประเหยด้วย rotary evaporator และทำให้แห้งด้วยการแช่เยือกแข็ง lyophilized และทำการสกัดอีกครั้งโดยนำสารสกัด 5 ก. มาละลายใน n-hexane ทำการแยกวิเคราะห์สารจากขิงด้วย high-performance liquid chromatographic method แล้วทดสอบฤทธิ์ต้านแบคทีเรียพบว่าสาร [10]-gingerol และ [12]-gingerol มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียทั้ง 3 ชนิด มีค่าความเข้มข้นต่ำสุดในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย (minimum inhibitory concentration; MIC) อยู่ที่ 6 – 30 มคก./มล. มีค่าความเข้มข้นต่ำสุดในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (minimum bactericidal concentration; MBC) อยู่ที่ 4 – 20 มคก./มล. สาร [10]-gingerol มีค่า MIC ต่อเชื้อ P. gingivalis, P. endodontalis และ P. intermedia เท่ากับ 6, 8 และ 14 มคก./มล. ตามลำดับ และมีค่า MBC ต่อเชื้อ P. gingivalis, P. endodontalis และ P. intermedia เท่ากับ 6, 4 และ 14 มคก./มล. ตามลำดับ สาร [12]-gingerol มีค่า MIC ต่อเชื้อ P. gingivalis, P. endodontalis และ P. intermedia เท่ากับ 15, 15 และ 30 มคก./มล. ตามลำดับ และมีค่า MBC ต่อเชื้อ P. gingivalis, P. endodontalis และ P. intermedia เท่ากับ 10, 10 และ 20 มคก./มล. ตามลำดับ ในขณะที่ 5-acetoxy-[6]-gingerol, 3,5-diacetoxy-[6]-gingerdiol และ galanolactone ไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (31)
การศึกษาทางพิษวิทยาและความปลอดภัย
การศึกษาความเป็นพิษวิทยา
การทดสอบความเป็นพิษในหนูแรททั้งเพศผู้และเพศเมีย โดยให้ผงขิง 0.5, 1 และ 2 ก./กก. นน.ตัว ผ่านทางปาก (oral gavage) เป็นระยะเวลา 35 วัน ผลการทดสอบพบว่า ไม่พบการตายของหนูทดลองไม่พบความผิดปกติ ไม่มีผลต่อพฤติกรรม การเจริญเติบโต การกินอาหารและน้ำ ยกเว้นพบว่ามีการเพิ่ม serum lactate dehydrogenase ในหนูแรทเพศผู้ สำหรับค่าทางโลหิตวิทยาและชีวเคมีใกล้เคียงกับกลุ่มควบคุม ไม่พบความผิดปกติของอวัยวะ ยกเว้นที่ขนาดสูง 2ก./กก. มีผลลดน้ำหนักของอัณฑะเล็กน้อย โดยมีผลในการลด absolute และ relative weightsเท่ากับ 14.4% และ 11.5% ตามลำดับ (32)
การทดสอบความเป็นพิษในหนูแรททั้งเพศผู้และเพศเมีย ทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลัน โดยป้อนผงขิงขนาด 2.5ก./กก. ให้หนูเพียงครั้งเดียว และ การทดสอบความเป็นพิษกึ่งเฉียบพลันให้ผงขิงขนาด 50 และ500 มก./กก. นาน28 วัน หลังจาก 24 ชั่วโมง ในการทดสอบความเป็นพิษพิษเฉียบพลัน และ 28 วัน ในการทดสอบความเป็นพิษกึ่งเฉียบพลันเลือกหนูจำนวน 6 ตัว ในแต่ละกลุ่มมาวัดความดันโลหิต และ อัตราการเต้นของหัวใจอีก 6 ตัว จะถูกตรวจทางพยาธิวิทยาและเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหัวใจ ผลการทดสอบพบว่า ผงขิงขนาด2.5 ก./กก. ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำและหัวใจเต้นช้า (bradycardia) และเกิดการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อหัวใจการให้ขิงในขนาด 50 มก./กก.นาน 28 วันทำให้หัวใจเต้นช้ามีผลต่อลักษณะของคลื่นกล้ามเนื้อหัวใจ (waviness in cardiac muscle fibers) การให้ขิงขนาด 500 มก./กก. นาน 28 วัน ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำหัวใจเต้นช้า และมีการเสื่อมสภาพของเซลล์ในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อหัวใจ การเกิดภาวะความดันโลหิตต่ำและหัวใจเต้นช้า เป็นผลมาจากสารสกัดขิงทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด โดยเพิ่มการปลดปล่อยหรือการสร้าง nitric oxide หรืออาจเป็นผลจากการเกิด calcium channel blocking (33)
การทดสอบความเป็นพิษของน้ำมันหอมระเหยจากขิง (Kancore Ingredients Limited, Angamali, Kerala, India) ในหนูแรท โดยให้น้ำมันหอมระเหยขนาด 100, 250 และ 500 มก./กก./วัน ทางปาก เป็นระยะ 13 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ผลการทดสอบ ไม่พบการตายของหนู ไม่มีผลต่อการลดลงของน้ำหนักตัวหรือน้ำหนักของอวัยวะไม่มีผลต่อพฤติกรรมการกินอาหาร ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของค่าทางโลหิตวิทยา ค่าการทำงานของตับและไต ค่าอิเล็กโตรไลต์ และลักษณะทางพยาธิวิทยาของอวัยวะ (34)
การทดสอบความเป็นพิษในหนูแรทที่ตั้งท้อง โดยชงชาขิงขนาด 15, 20 หรือ 50 ก./ล. ให้ทางน้ำดื่มแก่หนูแรทในช่วงของการตั้งท้องวันที่ 6 ถึงวันที่ 15 แล้วทำให้หนูตายในวันที่ 20 ของการทดสอบ ผลการทดสอบพบว่าไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อแม่ อย่างไรก็ตามเกิดการแท้งลูก (embryonic loss) ในกลุ่มทดสอบเป็น 2 เท่าของกลุ่มควบคุม แต่ไม่พบความผิดปกติของรูปร่างของตัวอ่อนในกลุ่มที่ได้รับน้ำขิง และมีน้ำหนักตัวมากกว่ากลุ่มควบคุม ซึ่งพบในตัวอ่อนเพศเมียมากกว่า และไม่มีความสัมพันธ์กับขนาดของรกที่เพิ่มขึ้น กลุ่มที่ได้รับน้ำขิงมีการพัฒนาการสร้างของกระดูกอก (sternal) และกระดูกฝ่ามือ (metacarpal) (35-36)
ข้อห้ามใช้
ไม่ควรใช้ในผู้ที่แพ้ขิง (37-38)
ข้อควรระวัง
ควรระมัดระวังสำหรับผู้ที่แพ้ขิง (37-38)
อาการไม่พึงประสงค์
มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ขิง ได้แก่ อาการแสบร้อนบริเวณทางเดินอาหาร แสบร้อนกลางอก ท้องเสีย อาเจียน ปวดศีรษะและอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (anaphylaxis) ได้ในบางราย (37-38)
ขนาดที่แนะนำ (ข้อมูลจากการศึกษาทางคลินิก)
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวหน้า
ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากขิง 1% acetyl zingerone ให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นบริเวณรอบ ๆ ดวงตา ทา 2 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ช่วยในการบรรเทาอาการของผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดด (21)
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับช่องปาก
น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ 0.5% น้ำมันหอมระเหยจากขิง โดยใช้น้ำยาบ้วนปาก 10 มล. นาน 60 วินาที เป็นเวลา 7 วัน มีผลต้านการอักเสบ บรรเทาอาการเลือดออกบริเวณเหงือก (24)
สิทธิบัตร
DIP (THAILAND-TH)
USPTO (USA)
สรุป
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย นอกจากการใช้เพื่อบรรเทาอาการท้องอืด แน่นจุกเสียดขับลม แก้คลื่นไส้อาเจียนยังมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในทางเครื่องสำอางได้แก่ การศึกษาทางคลินิก เกี่ยวกับผิวหน้าในการลดริ้วรอย เกี่ยวกับช่องปากและริมฝีปากในการฆ่าเชื้อในช่องปาก และการศึกษาเกี่ยวกับลิปสติกที่มีส่วนผสมของขิง และการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเกี่ยวกับผิวกายในการทำให้ผิวขาว และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ กันแดด ต้านการแพ้ และการศึกษาเกี่ยวกับช่องปาก มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในช่องปากเช่นเดียวกันเป็นข้อมูลสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากขิงในทางเครื่องสำอางต่อไป
เอกสารอ้างอิง
1. ราชันย์ภู่มา, สมรานสุดดี, บรรณาธิการ. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทยเต็มสมิตินันท์ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: สำนักงานหอพรรณไม้สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืชกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช; 2557.
2. Zingiber officinale Roscoe. World Flora Online [Internet]. 2021 [cited 2021 Nov 11]. Available from: http://www.worldfloraonline.org/taxon/wfo-0000617397#synonyms
3. นันทวันบุณยะประภัศร, อรนุชโชคชัยเจริญพร, บรรณาธิการ. สมุนไพร..ไม้พื้นบ้าน (1). กรุงเทพฯ: บริษัทประชาชนจำกัด; 2539.
4. Zingiber officinale Roscoe. Plants of the world Online [Internet]. 2021 [cited 2021 Nov 11]. Available from: http://www.plantsoftheworldonline.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:798372-1.
5. Rashmi KJ, Tiwari R. Pharmacotherapeutic properties of ginger and its use in diseases of the oral cavity: a narrative review. J Adv Oral Res. 2016;7(2):1-6. doi:10.1177/2229411220160201.
6. Kiyama R. Nutritional implications of ginger: chemistry, biological activities and signaling pathways. J Nutr Biochem. 2020;86:108486. doi: 10.1016/j.jnutbio.2020.108486.
7. Liu Y, Liu J, Zhang Y. Research progress on chemical constituents of Zingiber officinale Roscoe. Biomed Res Int. 2019;2019:5370823. doi: 10.1155/2019/5370823.
8. วทันยาลิมปพยอม, ณัฏฐาเลาหกุลจิตต์, ภรณ์ทิพย์ดุษฎีลาวัณย์, เกษราวามะศิริ. องค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระของน้ำมันหอมระเหยขิง. วารสารวิจัยและพัฒนามจธ. 2557;37(3):297-312.
9. Zhang M, Zhao R, Wang D, Wang L, Zhang Q, Wei S. Ginger (Zingiber officinale Rosc.) and its bioactive components are potential resources for health beneficial agents. Phytother Res. 2021;35(2):711-42. doi: 10.1002/ptr.6858.
10. Semwal RB, Semwal DK, Combrinck S, Viljoen AM. Gingerols and shogaols: important nutraceutical principles from ginger. Phytochemistry. 2015;117:554-68. doi: 10.1016/j.phytochem.2015.07.012.
11. Huang HC, Chiu SH, Chang TM. Inhibitory effect of [6]-gingerol on melanogenesis in B16F10 melanoma cells and a possible mechanism of action. Biosci Biotechnol Biochem. 2011;75(6):1067-72. doi: 10.1271/bbb.100851.
12. Yang L, Yang F, Teng L, Katayama I. 6-Shogaol protects human melanocytes against oxidative stress through activation of theNrf2-antioxidant response element signaling pathway. Int J Mol Sci. 2020;21(10):3537. doi: 10.3390/ijms21103537.
13. Schadich E, Hlaváč J, Volná T, Varanasi L, Hajdúch M, Džubák P. Effects of ginger phenylpropanoids and quercetin on Nrf2-ARE pathway in human BJ fibroblasts and HaCaT keratinocytes. Biomed Res Int. 2016;2016:2173275. doi: 10.1155/2016/2173275.
14. Si W, Chen YP, Zhang J, Chen ZY, Chung HY. Antioxidant activities of ginger extract and its constituents toward lipids. Food Chem. 2018;239:1117-25. doi: 10.1016/j.foodchem.2017.07.055.
15. Sohn Y, Han NY, Lee MJ, Cho HJ, Jung HS. [6]-Shogaol inhibits the production of proinflammatory cytokines via regulation of NF-kB and phosphorylation of JNK in HMC-1 cells. Immunopharmacol Immunotoxicol. 2013;35(4):462-70. doi: 10.3109/08923973.2013.782318
16. Kim SO, Chun KS, Kundu JK, Surh YJ. Inhibitory effects of [6]-gingerol on PMA-induced COX-2 expression and activation of NF-kappaB and p38 MAPK in mouse skin. Biofactors. 2004;21(1-4):27-31. doi: 10.1002/biof.552210107.
17. Kim SO, Kundu JK, Shin YK, Park JH, Cho MH, Kim TY. [6]-Gingerol inhibits COX-2 expression by blocking the activation of p38 MAP kinase and NF-kappaB in phorbol ester-stimulated mouse skin. Oncogene. 2005;24(15):2558-67. doi: 10.1038/sj.onc.1208446.
18. Pan MH, Hsieh MC, Hsu PC, Ho SY, Lai CS, Wu H. 6-Shogaol suppressed lipopolysaccharide-induced up-expression of iNOS and COX-2 in murine macrophages. Mol Nutr Food Res. 2008;52(12):1467-77. doi: 10.1002/mnfr.200700515.
19. Kim JK, Kim Y, Na KM, Surh YJ, Kim TY. [6]-Gingerol prevents UVB-induced ROS production and COX-2 expression in vitro and in vivo. Free Radic Res. 2007;41(5):603-14. doi: 10.1080/10715760701209896.
20. Chen F, Tang Y, Sun Y, Veeraraghavan VP, Mohan SK, Cui C. 6-Shogaol, a active constiuents of ginger prevents UVB radiation mediated inflammation and oxidative stress through modulating NrF2 signaling in human epidermal keratinocytes (HaCaT cells). J Photochem Photobiol B. 2019;197:111518. doi: 10.1016/j.jphotobiol.2019.111518.
21. Dhaliwal S, Rybak I, Pourang A, Burney W, Haas K, Sandhu S. Randomized double-blind vehicle controlled study of the effects of topical acetyl zingerone on photoaging. J Cosmet Dermatol. 2021;20(1):166-73. doi: 10.1111/jocd.13464.
22. Oh TI, Jung HJ, Lee YM, Lee S, Kim GH, Kan SY. Zerumbone, a tropical ginger sesquiterpene of Zingiber officinaleRoscoe, attenuates α-MSH-induced melanogenesis in B16F10 cells. Int J Mol Sci. 2018;19(10):3149. doi: 10.3390/ijms19103149.
23. Department of Medical Sciences, Ministry of Public Health. Thai Herbal Pharmacopeia Volume I. Bangkok: The Agricultural Co-operative Federation of Thailand, Ltd.,2020.
24. Bauer Faria TR, Furletti-Goes VF, Franzini CM, de Aro AA, de Andrade TAM, Sartoratto A. Anti-inflammatory and antimicrobial effects of Zingiber officinale mouthwash on patients with fixed orthodontic appliances. Am J Orthod Dentofacial Orthop. 2021;159(1):21-9. doi: 10.1016/j.ajodo.2019.10.025.
25. Mazzarello V, Solinas G, Bandiera P, Pomponi V, Piu G, Ferrari M. How long does the volumizing effect of a Zingiber officinale-based lip plumper last? Int J Cosmet Sci. 2017;39(4):373-8. doi: 10.1111/ics.12383.
26. Wang LX, Qian J, Zhaoa LN, Zhao SH. Effects of volatile oil from ginger on the murineB16 melanoma cells and its mechanism. Food Funct. 2018;9:1058-69.doi: 10.1039/c7fo01127j.
27. Minghetti P, Sosa S, Cilurzo F, Casiraghi A, Alberti E, Tubaro A. Evaluation of the topical anti-inflammatory activity of ginger dry extracts from solutions and plasters. Planta Med. 2007;73(15):1525-30. doi: 10.1055/s-2007-993741.
28. Tsukahara K, Nakagawa H, Moriwaki S, Takema Y, Fujimura T, Imokawa G. Inhibition of ultraviolet-B-induced wrinkle formation by an elastase-inhibiting herbal extract: implication for the mechanism underlying elastase-associated wrinkles. Int J Dermatol. 2006;45(4):460-8. doi: 10.1111/j.1365-4632.2006.02557.x.
29. Guahk GH, Ha SK, Jung HS, Kang C, Kim CH, Kim YB. Zingiber officinale protects HaCaT cells and C57BL/6 mice from ultraviolet B-induced inflammation. J Med Food. 2010;13(3):673-80. doi: 10.1089/jmf.2009.1239.
30. Park G, Oh DS, Lee MG, Lee CE, Kim YU. 6-Shogaol, an active compound of ginger, alleviates allergic dermatitis-like skin lesions via cytokine inhibition by activating the Nrf2 pathway. Toxicol Appl Pharmacol. 2016;310:51-59. doi: 10.1016/j.taap.2016.08.019.
31. Park M, Bae J, Lee DS. Antibacterial activity of [10]-gingerol and [12]-gingerol isolated from ginger rhizome against periodontal bacteria. Phytother Res. 2008;22(11):1446-9. doi: 10.1002/ptr.2473.
32. Rong X, Peng G, Suzuki T, Yang Q, Yamahara J, Li Y. A 35-day gavage safety assessment of ginger in rats. Regul Toxicol Pharmacol. 2009;54(2):118-23. doi: 10.1016/j.yrtph.2009.03.002.
33. lkhishin IA, Awwad IA. A study of the cardiovascular toxic effects of Zingiber officinale (ginger) in adult male albino rats and its possible mechanisms of action. Mansoura J Forensic Med Clin Toxicol. 2009;17(2):109-27.
34. Jeena K, Liju VB, Kuttan R. A preliminary 13-week oral toxicity study of ginger oil in male and female Wistar rats. Int J Toxicol. 2011;30(6):662-70. doi: 10.1177/1091581811419023.
35. Ali BH, Blunden G, Tanira MO, Nemmar A. Some phytochemical, pharmacological and toxicological properties of ginger (Zingiber officinale Roscoe): a review of recent research. Food Chem Toxicol. 2008;46(2):409-20. doi: 10.1016/j.fct.2007.09.085.
36. Wilkinson JM. Effect of ginger tea on the fetal development of Sprague-Dawley rats. Reprod Toxicol. 2000;14(6):507-12. doi: 10.1016/s0890-6238(00)00106-4.
37. Anh NH, Kim SJ, Long NP, Min JE, Yoon YC, Lee EG. Ginger on human health: a comprehensive systematic review of 109 randomized controlled trials. Nutrients. 2020;12(1):157. doi: 10.3390/nu12010157.
38. Okuhira H, Nakatani Y, Furukawa F, Kanazawa N. Anaphylaxis to ginger induced by herbal medicine. Allergol Int. 2020 Jan;69(1):159-160. doi: 10.1016/j.alit.2019.08.009.
39. การผลิตพันธุ์ขิง. กรมสงเสริมการเกษตร [อินเตอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ11 พ.ย. 2564]. เข้าถึงได้จาก:
http://eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/herb_gar/ginger.pdf
P010_(18).xlsx